ในช่วงเวลาเกิดเหตุ ฌองบรัน ไม่ได้อยู่บ้าน แต่อยู่ที่สำนักงานของเขา เพื่อติดตามสถานการณ์การประท้วงที่เกิดขึ้นในกรุงปารีส โดยเขาออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมา ประณามเหตุบุกโจมตีบ้านของเขาว่า เป็นการพยายามฆ่าอย่างขี้ขลาด จนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

หลังเกิดเหตุ ฌองบรัน ซึ่งมาจากพรรครีพับลิกัน ฝ่ายกลางขวา ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากกลุ่มการเมืองในฝรั่งเศส ขณะที่สำนักงานอัยการ เริ่มการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในฐานะคดีพยายามฆ่าแล้ว

ก่อนหน้านี้ ฌองบรัน ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลกลางฝรั่งเศส บังคับใช้มาตรการสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อตอบสนองต่อเหตุจลาจลในประเทศ แต่ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ปฏิเสธ โดยหลังจากนี้ มาครง จะประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง เพื่อหารือเรื่องวิกฤติที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

ญาตินาเฮลวอนหยุดจลาจลเดือด

ญาติของวัยรุ่นชาวมุสลิมในฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์ซึ่งเผยแพร่วันนี้ที่ 3 ก.ค. ว่า ทางครอบครัวไม่ต้องการให้การเสียชีวิตของเขาจุดชนวนให้เกิดเหตุจลาจลในฝรั่งเศส แต่ก็ย้ำว่ากฎหมายบังคับใช้อาวุธร้ายแรงตรงด่านตรวจต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง ขณะที่ฝรั่งเศสกำลังเผชิญสถานการณ์วุ่นวายในหลายเมืองทั่วประเทศ รวมถึงความพยายามลอบวางเพลิงบ้านของนายกเทศมนตรีเมืองเลย์-เลอ-โรส (L’Hay-les-Roses) ห่างจากกรุงปารีสไปทางใต้ 15 กม. จากความไม่พอใจการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจที่ยิงนายนาเอล เอ็ม ชายวัยรุ่นเชื้อสายอัลจีเรีย อายุ 17 ในระยะเผาขนระหว่างถูกเรียกตรวจค้นรถแล้วมีการปฎิเสธขัดขืนเจ้าหน้าที่ที่เมืองน็องแตร์ ฝั่งตะวันตกของกรุงปารีส เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.

ญาติคนดังกล่าวที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพราะเห็นว่าความตึงเครียดยังคงรุนแรง มองว่า การก่อเหตุจลาจล ที่ทำให้เกิดการจับกุมนับพันคน ซึ่ง 30 % เป็นเยาวชน อายุเฉลี่ย 17 ปี ร้านรวงถูกปล้นสะดมภ์ และรถยนต์หลายร้อยคันถูกจุดไฟเผาทั่วประเทศฝรั่งเศสนั้น ถือเป็นการไม่ให้เกียรติการรำลึกถึงนาเฮล ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำเพื่อนาเฮลเลย “พวกเราเรียกร้องให้เดินขบวนอย่างบริสุทธิ์บนท้องถนน เดินเพื่อรำลึกถึงนาเฮล แต่ไม่ใช่การระเบิดอารมณ์” ก่อนนี้ย่าของนาเฮลก็ออกมาเรียกร้องให้หยุดความรุนแรง และกล่าวโทษผู้ก่อเหตุอ้างการตายของนาเฮล

ขณะเดียวกัน ญาติคนนี้ก็อยากให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมายที่อนุญาตให้ตำรวจยิงผู้ที่ขัดขืนบริเวณด่านตรวจ ซึ่งปัญหานี้ก็มีผู้ออกมาวิจารณ์ถึงการยิงที่ด่านตรวจมากขึ้นนั้นสมควรต้องเปลี่ยนแปลง เพราะเห็นว่าคลุมเครือเกินไปด้วยปล่อยให้ตำรวจตัดสินใจเองว่าคนขับที่ไม่ให้ความร่วมมือถือว่าเสี่ยงอันตรายหรือไม่

จากเหตุประท้วงรุนแรงนี้ ทำให้ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศสต้องเลื่อนกำหนดการเดินทางเยือนเยอรมนี และถือเป็นครั้งที่สองของปีนี้แล้ว ที่ผู้นำประเทศต้องยกเลิกหมายงานใหญ่ด้วยปัญหาภายในประเทศ หลังช่วงเดือนมี.ค. สมเด็จพระเจ้าชาร์ลสที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรทรงยกเลิกการเยือนฝรั่งเศสเพราะเกิดเหตุประท้วงเรื่องการปฎิรูปเงินบำนาญ